เผยอีกด้าน! ‘แก้วสรร’ ลั่นห้ามนำเด็กออกนอกมูลนิธิ ชี้เด็กไม่ได้ถูกรังแก

“แก้วสรร” ลั่นห้ามนำเด็กออกนอกมูลนิธิ ชี้เด็กไม่ได้ถูกรังแก แต่ที่มีปัญหาเพราะบางคนติดยา แนะฟังหูไว้หู
ปลัด พม.ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณี มีการร้องเรียนเด็กถูกทำร้ายในมูลนิธิครูยุ่น “แก้วสรร”

เด็ก ลั่นเอาเด็กออกจากมูลนิธิไม่ได้ ชี้ ที่มีการร้องเรียนเพราะบางคนติดยา จากกรณีที่มูลนิธิเส้นด้าย มาแจ้งความที่ สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า มีการทำร้ายเด็กที่มูลนิธิครูยุ่น ต.สวนหลวง อ.อัมพวา นั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้สั่งการให้ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมแถลงความคืบหน้าที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี นายศิริศักดิ์ ศิริมังคลา รักษาการผู้ว่าฯสมุทรสงคราม พ.อ.กุญช์ภัสร์ หาญสมบูรณ์ รอง ผอ.กอ.รมน. ผู้แทนมูลนิธิเส้นด้าย และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง นายอนุกูลกล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กจึงเป็นเรื่องการละเอียดอ่อนที่ต้องค่อยๆ สืบเสาะข้อมูล แต่ก็ต้องการให้ไม่เป็นที่คาใจของสังคม นอกจากนี้ ยังต้องการชี้ให้เห็นว่าการคุ้มครองเด็กของ กระทรวง พม. และจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ดำเนินการตั้งแต่ต้น โดยทางกระทรวงทราบข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ได้สั่งการ พมจ.สมุทรสงคราม หาข้อมูล เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ได้พูดคุยวางแผนในกระทรวง พม., วันที่ 29 ตุลาคม ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง, วันที่ 30 แยกเด็กออกจากมูลนิธิ และวันที่ 31 ตุลาคม เข้าสู่กระบวนการของตำรวจ ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 วัน เพื่อให้เด็กไม่เครียด พนักงานสอบสวนค่อยเป็นค่อยไป วันนี้ได้ข้อมูลเพียงพอจึงมาแถลงข่าวในวันนี้ นายอนุกูลกล่าวว่า ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับเด็ก พบว่าเป็นการใช้งานเด็กแต่เด็กไม่ได้ดังใจ ครูยุ่นจึงทำโทษ แต่ไม่มีบาดแผลทำร้ายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามการตีเด็กเป็นการกระทำกับเด็กชัดเจน ส่วนการใช้แรงงานเด็กในรีสอร์ตส่วนตัว ความผิดเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กต้องสอบสวนอีกครั้ง ส่วนการตรวจสอบมูลนิธิ เป็นกรอบปี แต่มีการตรวจติดตามทุกเดือน เนื่องจากประวัติการทำงานค่อนข้างดี จึงค่อนข้างมั่นใจ ทำให้เป็นจุดอ่อนที่จะต้องเข้าไปเร่งดำเนินการ จากนี้ไปจึงได้สั่งให้ พมจ.ทั่วประเทศตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้จากข้อมูลจากการสอบสวนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.นำเด็กออกจากสถานสงเคราะห์ทั้งหมด 55 ราย ออกทั้งหมด จึงดำเนินการให้เร็วที่สุด 2.ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจะปิดหรือไม่ คณะทำงานระดับจังหวัดจะเป็นผู้พิจารณาต่อไป

เผยอีกด้าน! ‘แก้วสรร’ ลั่นห้ามนำเด็กออกนอกมูลนิธิ ชี้เด็กไม่ได้ถูกรังแก

นายศิริศักดิ์ ศิริมังคลา รักษาการผู้ว่าฯสมุทรสงคราม กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบอยู่เสมอ ล่าสุดใบอนุญาติที่ออกให้ในปี 2565 จะหมดอายุในเดือนมกราคม 2566 ส่วนการดำเนินงานที่ได้รับเงินจากมูลนิธิคุ้มครองเด็กที่ลงทะเบียนไว้ที่กรมการปกครอง

ที่ผ่านมาจะมีการรับบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะหมดในปีต่อปี จังหวัดได้ประสานข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยมาตรวจสอบ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ก่อนออกใบอนุญาตเป็นการสุ่มตรวจไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ไม่พบการร้องเรียนใดๆ จากเด็กๆ แต่เมื่อทราบข่าวครั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็เร่งรัดในการดำเนินงานอย่างละเอียดรอบคอบต่อไป จากนั้นเวลา 15.00 น. นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา พม.จ.สมุทรสงคราม ได้นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำเอกสารมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ดำเนินการรับเด็กของสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน “บ้านคุ้มครองเด็ก3” ทั้งหมดไปยังสถานแรกรับของทางราชการ โดยเมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก ได้ต่อโทรศัพท์ขออนุญาตไปยัง นายแก้วสรร อติโพธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าเป็นประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ได้พูดคุยกับพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเปิดลำโพงให้ผู้สื่อข่าวร่วมฟังด้วย นายแก้วสรรกล่าวว่า เด็กพวกนี้ไม่มีบ้านถูกรังแก ถูกทำร้าย มูลนิธิแห่งนี้จึงรับมาดูแล มูลนิธิมีอำนาจการปกครองถูกต้อง สามารถทำโทษเด็กเหมือนพ่อทำโทษลูก ไม่ได้รุนแรงเกินเหตุ การที่มีเด็กร้องเรียนไม่กี่คน ซึ่งกลุ่มนี้บางคนอายุ 17 ปี ติดยาเสพติดนำมาให้น้องๆ เสพ ถ้าเป็นที่อื่นก็จับส่งตำรวจหมดอนาคตไปแล้ว แต่ที่สถานที่แห่งนี้พยายามอบรมสั่งสอนเพื่อให้กลับตัวเป็นคนดี จะมาหาว่าทำรุนแรงเกินไปได้อย่างไร เด็กทั้งหมดดูแลอย่างดี ข่าวเด็ก การจะมารับเด็กทั้ง 55 คนไป อาศัยอำนาจอะไร ถามเด็กทั้งหมดหรือยัง สิ่งที่ถูกต้องควรฟังหูไว้หู ควรมาตรวจสอบแบบเงียบๆ เพื่อคุ้มครองเด็กๆ ไม่ให้เด็กกลัว ไม่ใช่นำสื่อแห่กันมาแบบนี้ ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่ทำเกิกว่าเหตุตนก็ใม่ยอมเหมือนกัน อย่างไรก็ก็ตาม เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปสอบเด็กๆ จำนวนหนึ่งที่อยู่ในบ้านพัก โดยไม่ให้สื่อเข้าไปบริเวณด้านในแต่อย่างใด ขณะที่เด็กๆส่วนใหญ่ไปโรงเรียนยังไม่กลับมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทะยอยสอบถามข้อมูลที่แท้จริงกับเด็กๆ ต่อไป

แนะนำข่าวเด็ก อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ภาวะ “หนุ่มสาวก่อนวัย” ในเด็กเล็ก มีอะไรบ้าง อันตรายอย่างไร