UOB ปิดดีลซื้อกิจการ Citi Bank พร้อมดูแลลูกค้าใน 4 ประเทศ

ยูโอบี (UOB) ปิดดีลซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป (Citi) ในมาเลเซียและไทย

การเงิน ส่วนในอินโดนีเซียและเวียดนามคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 มูลค่ารวมกว่า 1.3 แสนล้านบาท วันนี้ (1 พ.ย. 2565) ยูโอบีประกาศว่า ยูโอบีได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซียและไทยอย่างเสร็จสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ส่วนในอินโดนีเซียและเวียดนามคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 กิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยนี้ประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธนาคารในการขยายธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยในภูมิภาคอาเซียน นอกจากธุรกิจหลักของธนาคารในประเทศสิงคโปร์ หลังเสร็จสิ้นกระบวนการเข้าซื้อกิจการแล้ว คาดว่าขนาดธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยในทั้ง 4 ประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มีการให้บริการลูกค้าจำนวน 5.3 ล้านคน และเสริมทีมงานให้แกร่งขึ้นด้วยพนักงานอีก 5,000 คน สำหรับมูลค่าดีลในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.07 แสนล้านบาท) และค่าพรีเมี่ยม 915 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ ยูโอบียืนยันว่า การเข้าซื้อกิจการซิตี้กรุ๊ปจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า ทั้งค่าธรรมเนียม สิทธิประโยชน์ การเรียกเก็บหนี้ ฯลฯ โดยทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจยังแยกระบบกันอีก 1 ปีนับจากนี้ ก่อนจะค่อยๆ ปรับระบบเข้ามารวมกัน สำหรับความกังวลของลูกค้าซิตี้กรุ๊ปต่อการบริการภายหลังถูกซื้อกิจการนั้น ยูโอบีระบุว่า ในส่วนของระบบต่างๆ ของทั้ง 2 กลุ่มการเงิน มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก ขณะที่ผลิตภัณฑ์หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ยูโอบีอาจจะยังไม่มีนั้น ก็จะถูกเติมเต็มจากซิตี้กรุ๊ป จึงเชื่อว่าลูกค้าจะได้ประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านภายหลัง 1 ปีนี้อย่างสมูธที่สุด ‘วี อี เชียง’ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า กระบวนการเข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยที่แล้วเสร็จในมาเลเซียและไทยถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญ ในขณะที่เรายังคงมุ่งมั่นลงทุนในเครือข่ายสาขาในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง การซื้อกิจการนี้นอกจากจะเป็นการขยายธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งแล้วยังสนับสนุนความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนนึกถึงในการใช้บริการเป็นอันดับแรก ‘วันนี้เรายินดีต้อนรับเพื่อนพนักงานและลูกค้ารายใหม่สู่ครอบครัวยูโอบี การรวมพนักงานซิตี้กรุ๊ปเข้าสู่ทีมงานที่มีคุณภาพของยูโอบีในทั้งสองประเทศ จะช่วยให้เรามีศักยภาพและความสามารถในการดำเนินการให้สำเร็จตามแผนการเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคนี้ให้เจริญเติบโตก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

UOB ปิดดีลซื้อกิจการ Citi Bank พร้อมดูแลลูกค้าใน 4 ประเทศ

เรามุ่งมั่นให้ลูกค้าซิตี้กรุ๊ปได้สัมผัสประสบการณ์การโอนย้ายธุรกิจแบบราบรื่น ด้วยเครือข่ายการให้บริการ สาขาและเครือข่ายพันธมิตรที่หลากหลาย

จากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนอง ข่าวการเงิน ความต้องการของลูกค้า รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นแก่กลุ่มลูกค้าที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม’ ยูโอบีจะยังคงให้ความสำคัญกับการโอนย้ายธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปให้เป็นไปอย่างราบรื่นในทั้ง 4 ประเทศ โดยหวังว่าการโอนย้ายลูกค้าทั้งระบบจะแล้วเสร็จในอีก 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ยูโอบียังได้ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง 4 ท่านเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยที่ขยายตัวขึ้นในมาเลเซียและไทย ได้แก่ Elaine Fan, Head of Retail and Brand ธนาคารยูโอบี มาเลเซีย Ronnie Lim, Head of Personal Financial Services ธนาคารยูโอบี มาเลเซีย วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล Head of Retail and Brand ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย  ยุทธชัย เตยะราชกุล Head of Personal Financial Services ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ‘ตัน ชุน ฮิน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า กระบวนการเข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปในประเทศไทยที่เสร็จสมบูรณ์แล้วนั้น ช่วยผลักดันเป้าหมายของเราในการก้าวสู่การเป็นธนาคารในประเทศไทยที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการ ตลอดจนสะท้อนถึงคำมั่นสัญญาของธนาคารในการยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าชาวไทยและพันธสัญญาที่ยูโอบีให้ไว้ต่อประเทศไทย ธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน จะเข้ามาช่วยเสริมกลุ่มลูกค้าของยูโอบี ประเทศไทย ที่เน้นกลุ่มลูกค้าด้านสินเชื่อที่มีหลักประกันได้อย่างลงตัว การรวมธุรกิจครั้งนี้จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินชั้นเยี่ยม รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรและสาขาตลอดจนช่องทางการให้บริการที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แคมเปญการสื่อสารล่าสุดแสดงให้เห็นว่าลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการ ความชอบ และเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ธนาคารสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นรายบุคคลได้เป็นอย่างดี